1.ในยุค ราล์ฟ รังนิค กุนซือผู้นี้จะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงทีม เพราะทีมทำผลงานได้ดีอยู่แล้ว
โดยในเกมล่าสุดก็เช่นกันที่ทีมเดิมที่บุกอัด เบรนท์ฟอร์ด แทงบอล เกือบทุกตำแหน่ง ยกเว้น วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ที่ไม่สามารถลงสนาม ทำให้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กลับมาเล่นเป็นตัวจริง โดยที่ระบบการเล่นก็ไม่เปลี่ยนอะไรมาก เฟร็ด กับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ขยับขึ้นไปเล่นเกมรุกและลงมาช่วย สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ เล่นเกมรับตามจังหวะของเกม แค่ปรับจาก 4-1-4-1 มาเป็น 4-3-3 แทงบอลออนไลน์ เพื่อขับเคี่ยวกับ ดีแคลน ไรซ์ กับ โธมัส ซูเซ็ค โดยเฉพาะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หน้าเป้า ขนาบข้างด้วย แอนโธนี่ อีลันก้า กับ เมสัน กรีนวู๊ด เหมือนเดิม
2.เมื่อเจ้าบ้านใช้เวลาไม่นานก็คุมเกมได้
ปัญหาคือหาจังหวะทำประตูได้ไม่มากพอ ได้ครองบอลมากกว่าบุก แทงบอลออนไลน์ เหตุเพราะต่อบอลกันช้าเกินไป ทำให้คู่แข่งก็จะถอยลงไปปิดพื้นที่แน่นหนา แม้จะคอนโทรลเกมได้ แต่หาทางเจาะเข้าไปทำลายตาข่ายในพื้นที่สุดท้ายไม่ค่อยได้ โรนัลโด้ ชอบถอยลงมาตรงกลางสลับกับออกไปเล่นด้านข้างมากไปทำให้ไม่อยู่ในตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด แทงบอล ยังเล่นเกมรับได้ยอดเยี่ยม ส่วนอีก4 คนไม่แสดงความผิดพลาดออกมาง่ายๆ
3.ครึ่งแรกจบลงด้วยสกอร์ 0-0 แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นกันเร็วขึ้น จนเห็นได้ว่าพวกเขามีโอกาสทำประตูที่ใกล้เคียงมากกว่าเดิม มันจึงนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงด้วยการส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงมาแทน แทงบอลออนไลน์ เมื่อยังไม่ได้ประตู รอจนให้ถึงช่วง 10 นาทีสุดท้ายแล้วค่อยเสี่ยงแบบไม่มีอะไรจะเสีย เฟร็ด กับ เมสัน กรีนวู๊ด ถูกถอดออกไปเพื่อส่งกองหน้าอย่าง เอดินสัน คาวานี่ กับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ลงมาแทน โดยปรับระบบเป็น 4-4-2 หรือจะเรียก 4-2-4 เพื่อเล่นเกมบุก
4.แมนยูมีปรับการเล่นมากขึ้นในการเล่นมากขึ้น จึงนำมาซึ่งประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แทงบอล แถมเป็นการประสานงานกันของตัวสำรองทั้ง 3 คน เมื่อผลลัพธ์ออกมาเยี่ยงนี้ก็ต้องชื่นชม ราล์ฟ รังนิค ที่ทั้งกล้าเสี่ยงและตัดสินใจได้ถูกต้อง
สิ่งที่ลูกทีมของ เดวิด มอยส์ ควรทำในช่วงทดเวลาบาดเจ็บคือ ‘ปิดเกม’ ด้วยการเล่นอย่างรัดกุม ระมัดระวัง คุมพื้นที่ให้แน่นหนา ติ๊ดชึ่ง และไม่ต้องเสี่ยงเปิดเกมรุกแล้ว แต่ เวสต์แฮม คิดว่ามีโอกาสชนะ แทงบอลออนไลน์ แล้วจึงเปิดเกมรุกเข้าหาเจ้าบ้านจนนำมาซึ่งความหายนะ และเมื่อ จาร์ร็อด โบเว่น จับบอลพลาดจนเสียการครอบครอง มันจึงนำมาซึ่งการทำให้แมนยูบุกครั้งสุดท้าย